ค่ะสำหรับวันนี้ก็จะนำเรื่องบุคคลสำคัญท่านหนึ่งซึ่งเคยเป็นเจ้าหญิงที่สูงศักดิ์มาก่อนแล้วก็กลับคืนสู่สามัญชนชีวิตของเธอนั้นประสบพบเจออะไรมามากมายนะครับเป็นชีวิตที่น่าติดตามและก็น่าศึกษามากๆเธอพรุ่งนี้ก็คือคุณยุวธิดาผลประเสริฐหรืออดีตพันตรีหญิงสุจาริณีวิวัชรวงศ์หรืออดีตหม่อมสุจาริณีมหิดลณอยุธยาซึ่งเคยเป็นหม่อมในหลวงของเรานะครับก็คือในหลวงรัชกาลที่10ซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร
และเป็นอดีตและแสดงชาวไทยมีชื่อแรกเรียกเกิดว่าว่ายุวธิดาผลประเสริฐและก็เคยใช้ชื่อเนี่ยในวงการนักแสดงชื่อว่ายุวธิดาสุรัสวดีมีผลงานแสดงภาพยนตร์และละครจำนวนหนึ่งช่วงปีพุทธศักราช2525ลบปีพุทธศักราช2522คะแล้วก็ได้ออกจากวงการบันเทิงมานะครับปัจจุบันหม่อมสุจาริณีและพระราชโอรสทั้ง4องค์ได้แก่คุณจุฑาวัฒน์วิวัชรวงศ์คุณวัชรีสอนวิวัชรวงศ์คุณจะกี่วัดวิวัชรวงศ์และวัชรวีร์วิวัชรวงศ์ความรักอยู่ที่สหรัฐอเมริกาซึ่งทั้ง4องค์นี้ถูกถอดถอนออก
จากฐานันดรศักดิ์ชั้นหม่อมเจ้าคุณสุจาริณีมีชื่อแรกเกิดว่ายุวธิดาผลประเสริฐซึ่งเป็นธิดาของคุณธนิตผลประเสริฐและคุณเยาวลักษณ์โกมารกุลณนครสำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยนาฏศิลป์คุณท่านที่ผลประเสริฐชื่อเดิมก็คือชื่อเรืองเป็นบิดาของเธอเป็นอดีตนักแต่งเพลงและนักดนตรีของวงดนตรีสุนทราภรณ์นะครับซึ่งก่อนหน้านี้เขาได้สมัครเป็นหน่วยกล่อมขวัญในกองทัพไทยช่วงสงครามเกาหลีและสงครามเวียดนามทั้งนี้อาจเป็นบันทึกจากหนังสืออนุสรณ์สุนทราภรณ์ครบรอบ30ปี
ไม่ระบุว่าชนิดเขียนทำนองเพลงให้วงดนตรีสุนทราภรณ์จำนวน300ถึง400เพลงในทีเดียวส่วนมารดาเป็นอดีตนักร้องวงดนตรีสุนทราภรณ์และก็มีผลงานเพลงจำนวน1มีการเข้าสู่วงการบันเทิงของคนสุจาริณีเข้าสู่วงการการแสดงจากการชักนำของคุณศรินทิพย์ศิริวรรณโดยใช้ชื่อในการแสดงว่ายุวธิดาหรือรัสวดีนะครับและก็ยุวธิดาผลประเสริฐที่เป็นชื่อจริงด้วยแสดงละครโทรทัศน์เรื่องกฎแห่งกรรมและมนุษย์ประหลาดจากนั้นรับตัวบทละครนะครับรับบทละครเป็นตัวประกอบภาพยนตร์15หยกๆ16
หย่อนในปีพ.ศ2520นะครับกำกับโดยชนะคราประยูรและก็บดรองในเลือดในดินที่คู่กับสรพงษ์ชาตรีในปีพ.ศ2520และอรัญญานามวงศ์กำกับโดยสมสกุลยงประยุทธ์และได้รับบทนำChoiceในภาพยนตร์เรื่องแสนแสบซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในปีพ.ศ2521คู่กับไพโรจน์สังวริบุตรนะครับและก็กำกับโดยคุณไพรัตน์กสิวัฒน์และต่อมาเรื่องไอ้ถึกในปีพ.ศ2522คู่กับสรพงษ์ชาตรีกำกับโดยจรัญพรหมรังษีอำนวยการสร้างโดยชาญมีสีและหัวใจที่จมดินในปีพ.ศ2522กำกับโดยเชามีคุณสุต
คะแล้วก็คู่กับคุณพิสมัยวิไลศักดิ์พิศาลอัครเสนีอุเทนบุญยงค์และมารศรีณปางช้างครับในช่วงเดือนสิงหาคมปีพ.ศ2522คุณยุวธิดาได้ออกจากวงการบันเทิงโดยปรากฏตามข่าวเพียงว่าเธอคือว่าธิดาผลประเสริฐอดีตนางเอกดาวรุ่งหันหลังให้กับวงการบันเทิงด้วยความจำเป็นหลายประการอีกครั้งที่อภิเษกสมรสและการยาและสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในหลวงรัชกาลที่10ในขณะนั้นยังดำรงพระอิสริยยศที่สำเร็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมารและอภิเษกสมรสกับพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์
เจ้าโสมสวลีพระวรราชาทินัดดามาตุแล้วได้มีปฏิสันถารกับสุจาริณีขณะนั้นเป็นนักแสดงสาวที่มีชื่อเสียงมากและมีความสัมพันธ์ต่อเนื่องต่อกันช่วงปีพุทธศักราช2522ถึงปีพุทธศักราช2530กว่านะพิเศษสมรสกันสู้จะรณีได้ประสูติพระโอรสพระธิดาจำนวน5องค์ได้แก่หนึ่งหม่อมเจ้าจุฑาวัฒน์มะใหิดลหรือท่านชายอ้วน2มอมเจ้าวัชรเรศรมหิดลหรือท่านชายอ้น3หม่อมเจ้าจักรีวัชรมหิดลหรือแผ่นชายอง444หม่อมเจ้าวัชรีมหิดลหรือท่านชายอินและก็5หม่อมเจ้าบุตรน้ำเพชรมหิดลหรือ
ท่านหญิงหญิงร่วงมาเดือนกุมภาพันธ์ปีพุทธศักราช2537เนี่ยทั้งสองและอภิเษกสมรสโดยมีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชกับสำเร็จพระศรีนครินทร์ทางพรหมราชฉะนั้นอีเสด็จราชดำเนินมาแต่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถมิได้เสด็จพระราชดำเนินด้วยหลังราชพิธีอภิเษกสมรสจึงเปลี่ยนชื่อเป็นหม่อมสุจาริณีมหิดลณอยุธยาทั้งอย่างได้รับการแต่งตั้งให้มียศเป็นพันตรีหญิงแห่งกองทัพบกไทยและปรากฏตัวร่วมกับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมารในพระ
ราชพิธีต่างๆหลังจากพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเมื่อปีพุทธศักราช2539TheMonsterนี่และพระโอรสพระธิดาทั้ง5องค์ได้หลบหนีไปอย่างประเทศอังกฤษด้วยเหตุขัดแย้งกับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมารทำให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมารทรงติดใบประกาศรอบพระตำหนักนนทบุรีกล่าวหาว่าหม่ำสุจาริณีครบชู้กับคนอากาศเอกอนันต์รอดสำคัญทหารอากาศวัย60ปีและตามมาด้วยการถอดยศทหารอากาศคนดังกล่าวด้วยข้อหาผิด
วินัยและหลบหนีคดีอาญาหลังจากหม่อมสุจาริณีหลบหนีไปยังต่างประเทศเธอและพระโอรสทั้ง4องค์ถูกถอดออกจากฐานันดรศักดิ์และตำแหน่งและใช้นามสกุลพระราชทานว่าวิวัชรวงศ์ขณะที่หม่อมเจ้าบุตรน้ำเพชรเขาธิดาองค์เล็กๆกลับสู่ประเทศไทยโดยอยู่ในการดูแลของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมารปัจจุบันก็คือพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์และส่วนสุดจะได้นี่และพระโอรสทั้ง4องค์ได้พำนักในสหรัฐจนถึงปัจจุบันและต่อมาประวัติศาสตร์ก็เกิดสำรองอีกครั้งนะครับ
เมื่อท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์สุวะดีได้ส่งขอลาออกจากฐานันดรศักดิ์พื้นฐานครอบครัวและการศึกษาของท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์นั้นท่านมีชื่อเล่นว่าอี๊ดเกิดเมื่อวันที่9ธันวาคมปีพุทธศักราช๒๕๑๔เป็นบุตรคนที่3จากทั้งหมด5คนของนายอภิรุจสุวะดีและวันที่นี่มีเกิดกำแพงพื้นเพเดิมเป็นชาวจังหวัดสมุทรสงครามวิดาเป็นชาวตำบลวัดประดู่อำเภออัมพวาจังหวัดสมุทรสงครามนะครับส่วนบรรดาก็เป็นชมรจากตำบลอำแพงอำเภอบ้านแพ้วจังหวัดสมุทรสาครท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์มีพี่สาวและพี่ชายก็
คือสุราทิพย์ม่วงนวลณรงค์สุวะดีส่วนน้องสาวและน้องชายก็คือปณิดาสุวะดีและณัฐพลสุวะดีอดีตราชองครักษ์เวรส่วนตำรวจโทพงษ์พัฒน์ฉายาพันธุ์เป็นน้าของเธอถ้าท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์เข้ารับการศึกษาระดับประถมศึกษาตอนต้นจากโรงเรียนวัดสุนทรสถิตในอำเภอบ้านแพ้วระดับประถมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนเทศบาลบ้านมหาชัยอำเภอเมืองจังหวัดสมุทรสาครและเข้าศึกษาต่อในระดับมัธยมที่โรงเรียนวัดน้อยในเขตตลิ่งชันกรุงเทพมหานครภายหลังสำเร็จการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพจากโรงเรียนกรุงเทพ
การบัญชีวิทยาลัยก่อนจะเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชคณะวิทยาการการจัดการสาขาวิชาการจัดการทั่วไปหลักสูตร4ปีเมื่อปีพ.ศ2540ได้รับพระราชทานปริญญาบัตรจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่10ขณะดำรงพระอิศริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์สยามมกุฎราชกุมารเมื่อวันที่23มกราคมปีพุทธศักราช2545และสำเร็จการศึกษาปริญญาโทหลักสูตรปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิตและคณะคหกรรมศาสตร์นะครับภาคพิเศษสาขาวิชา
การพัฒนาครอบครัวและเด็กคณะเกษตรมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ด้วยคะแนนเฉลี่ย3.94การเข้าสู่พระราชวงศ์ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์เริ่มเข้าถวายการรับใช้ในพระองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในหลวงรัชกาลที่10เมื่อครั้งทรงเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมารตั้งแต่ปีพุทธศักราช2536โดยรับผิดชอบหน้าที่การงานในฐานะข้าราชการพลเรือนในพระองค์นอกจากนี้ยังได้ถวายงานสำเร็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถในด้านศิลปะชีพและสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่10
และท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ได้ทรงจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายต่อมาเข้ารับพระราชทานน้ำพระมหาสังข์จากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและทรงพระกรุณาโปรดเกล้าสถาปนาขึ้นเป็นหม่อมศรีรัตน์มหิดลณอยุธยาเมื่อวันที่10กุมภาพันธ์ปีพ.ศ2544โดยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในหลวงรัชกาลที่10ครับในวันที่29พฤศจิกายนปีพ.ศ2557สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่าสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชพระอิสริยยศในขณะนั้นสร้างขอให้รัฐบาลรีบนามสกุลพระราชทานพระวรชายาก่อนหน้านั้นมีการ
กวาดล้างพระญาติใกล้ชิดของพระองค์ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการฉ้อฉลฉ้อราษฎร์บังหลวงโดยทั้งหมดกลับไปใช้นามสกุลเดิมก่อนพระราชทานก็คือเกิดอำแพงต่อมาข้อมูลนามสกุลนั้นผิดเมื่อตรวจสอบแล้วจึงเปลี่ยนให้ใช้ชื่อว่าขอชื่อสกุลว่าสุวะดีอันเป็นชื่อสกุลเดิมที่แท้จริงตั้งแต่วันที่29พฤศจิกายนปีพุทธศักราช2557ซึ่งสำนักข่าวบีบีซีมองว่านี่อาจจะเป็นก้าวแรกที่จะนำไปสู่การหย่าร้างของทั้งสองพระองค์ครับและในวันที่12ธันวาคมปีเดียวกันพระบาทสมเด็จพระ
ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่าพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศพระวรชายาซึ่งเป็นยศในขณะนั้นและทรงนำความขึ้นกราบบังคมทูลสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์สยามมกุฎราชกุมารเป็นลายลักษณ์อักษรว่าขอพระราชทานกราบบังคมทูลลาออกจากฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่11ธันวาคมปีพ.ศ2557การนี้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชพระราชทานเงินจำนวน200ล้านบาทเพื่อใช้
เป็นการส่วนพระองค์เพื่อการดำรงพระชนม์ชีพคะและทรงดูแลครอบครัวมีข่าวจากกระทรวงการคลังยืนยันว่าต้องเด็ดพระบรมโอสาธิราชสยามมกุฎราชกุมารพระอิสริยยศแต่ขนาดนั้นขอรับเงินพระราชทานจากสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์และยังขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนงดเผยแพร่เอกสารที่ไม่เหมาะสมในสื่อทุกชนิดและในวันที่13ธันวาคมสังคมออนไลน์ได้ส่งภาพพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ส่งทำบัตรประชาชนใหม่ต่อๆกันพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ทรงใช้คำนำหน้าว่านางสาวและพระ
องค์ได้ทรงย้ายออกจากวังศุโขทัยเสด็จไปประทับอยู่ที่พัฒนาหลักในอำเภอวัดเพลงจังหวัดราชบุรีอย่างไรก็ตามพระองค์จะมีคำนำหน้านามว่าท่านผู้หญิงเนื่องจากพระองค์ได้ทรงรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้าชั้นปฐมจุลจอมเกล้าฝ่ายในและก็ทั้งนี้ทั้งมติชนออนไลน์และก็สื่อต่างๆให้ข้อมูลว่าพระองค์ได้ทรงลาออกจากการเป็นข้าราชการทหารเมื่อวันที่17ธันวาคมและพระองค์การเขียนจดหมายขอบคุณคือมวลชนที่ติดตามและขอไปปฏิบัติธรรมเงียบๆกับ
ครอบครัวเนื่องจากมีสื่อมวลชนติดตามข่าวอย่างใกล้ชิดจนรบกวนการปฏิบัติธรรมของพระองค์ค่ะสำหรับวันนี้ก็จะนำเรื่องบุคคล
