ลองจินตนาการถึงโลกที่ถูกย่างก้าวทุกคำพูดทุกการมองตาล้วนถูกขีดกรอบด้วยกฎที่ไม่เห็นด้วยตาโลกที่เสียงหัวเราะต้องผ่านการกลั่นกรองด้วยความเหมาะสมแม้แต่สายลมที่พัดผ่านม่านวังก็ยังรู้จักที่ควรหยุดและที่ควรพัดผ่านไปนั่นแหละคือโลกของราชพิธีไทย1พลังที่ซ่อนอยู่ในความเงียบราชพิธีไทยไม่ใช่เพียงการแสดงออกภายนอกแต่มันคือภาษาที่ถูกเขียนด้วยจังหวะเงียบงันของจิตวิญญาณผู้ที่เติบโตในวังย่อมรู้ดีว่าความนิ่งนั้นไม่ใช่ความว่างเปล่าแต่
เป็นสัญญาณของการเคลื่อนไหวที่ลึกที่สุดเมื่อคนธรรมดาอย่างศรีรัตน์สุวดีอิฐเดินก้าวเข้าสู่โลกนี้โลกที่เวลาไม่เดินไปข้างหน้าอย่างอิสระแต่หมุนตามเข็นของประเพณีโบราณชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไปตลอดกาลจงอย่าเห็นความสงบเป็นความว่างเปล่าเพราะในความนิ่งนั้นคือการเคลื่อนไหวที่ลึกที่สุด2รากเน่าของระเบียบที่อย่างลึกระเบียบพิธีของไทยนั้นไม่ได้ถูกคิดขึ้นในชั่วข้ามคืนแต่เป็นผลรวมของพันปีแห่งศรัทธาผสมผสานระหว่างพุทธศาสนาความ
เชื่อไสยศาสตร์และความกลมกลืนระหว่างฟ้ากับแผ่นดินการหมอบกราบที่เราเห็นอาจดูเหมือนเป็นเพียงกิริยาภายนอกแต่แท้จริงแล้วมันคือการเชื่อมโยงระหว่างอัตราของสามัญชนกับความศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่เหนือชีวิตการสื่อสารในวังบางครั้งไม่จำเป็นต้องใช้เสียงเพียงการเคลื่อนไหวเล็กน้อยการก้มศีรษะการก้าวเท้าก็สามารถสื่อถึงความเคารพหรือแม้แต่การคัดค้านได้อย่างลึกซึ้ง3ความศักดิ์สิทธิ์ที่ซ่อนอยู่หลังความเป็นธรรมชาติในสายตาของคนทั่วไปชีวิตในวังอาจ
งดงามดั่งเทพนิยายแต่ในอีกแง่หนึ่งมันก็เป็นโรงละครที่ไม่เคยหยุดแสดงทุกบททุกตอนถูกเขียนด้วยหมึกแห่งความคาดหวังไม่มีสิปแต่มีพิธีเป็นบทกำกับชีวิตและในโลกนี้ศรีรัตน์ซูดีคือหญิงสาวที่ไม่ได้เรียนจบจากโรงเรียนเตรียมกษัตริย์เธอไม่ได้เติบโตมากับขุนนางหรือโต๊ะเสวยแต่กลับต้องแสดงบทบาทที่แม้แต่เจ้าหญิงบางคนยังต้องเตรียมตัวเป็น10ปีการปรับตัวของเธอจึงไม่ใช่แค่การเรียนรู้กฎแต่คือการเรียนรู้วิธีอยู่โดยไม่ทำลายสมดุลของความเงียบใน
วังนั้นไม่มีเสียงดังใดดังเท่ากับความเงียบที่เปลี่ยมด้วยความเข้าใจในโลกของราชสำนักคำว่ากฎไม่ได้หมายถึงเพียงข้อบังคับบนกระดาษแต่มันคือภาษาที่ไร้เสียงการเคลื่อนไหวที่มีในและสายตาที่แฝงความหมายคือรหัสลับที่ถอดได้เฉพาะผู้ที่อยู่ภายในเท่านั้น1ภาษากายของความเคารพสิ่งหนึ่งที่สะท้อนถึงระเบียบพิธีของไทยได้อย่างลึกซึ้งที่สุดคือการหมอบกราบการก้มตัวในมุมที่เหมาะสมการไม่มองศพตาตรงไม่ใช่เพราะกลัวแต่เพราะเข้าใจศรีรัตน์เอง
ต้องเรียนรู้ว่าแม้จะอยู่ในฐานะผู้หญิงของเจ้าชายแต่เธอก็ต้องลดตัวตนลงเพื่อให้บทบาทใหม่ได้เกิดขึ้นอย่างสง่างามบางครั้งการถอย1ก้าวกลับทำให้เราก้าวหน้าไปไกลว่าที่คิด2ภาษาในวังถ้อยคำที่เลือกใช้บ่งชี้ระดับของหัวใจภาษาไทยราชาศัพท์ไม่ใช่ใช่แค่คำหรูหราแต่เป็นคำที่ออกแบบมาเพื่อรักษาระยะห่างระหว่างฟ้าและดินศรีรัตน์ต้องเรียนรู้ไม่เพียงแต่การพูดให้ถูกแต่ต้องพูดให้มีจังหวะมีความอ่อนน้อมที่พอดีน้ำเสียงจึงไม่ใช่แค่
เสียงพูดแต่คือกระจกสะท้อนความเข้าใจในบริบท3.การแต่งกายเสื้อผ้าที่พูดได้โดยไม่ใช้เสียงการแต่งกายภายในราชสำนักไม่ใช่เพียงเรื่องของแฟชั่นแต่คือเครื่องมือแสดงสถานะและความเหมาะสมเส้นผมที่รวบขึ้นสูงสบที่พลาดด้วยระยะมุมเป๊ะเครื่องประดับที่ไม่มากไปไม่น้อยไปคือคำพูดที่เงียบที่สุดแต่ชัดเจนที่สุดในราชวังศรีรัตน์ในวันแรกที่ปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณะถูกสื่อและสังคมจับตามองไม่ใช่เพราะว่าเธอสวยหรือไม่แต่เพราะว่าเธอแต่ง
กายได้ถูกต้องเพียงพอหรือไม่เสื้อผ้าสามารถเปลี่ยนภาพลักษณ์แต่ความเข้าใจในพิธีต่างหากที่เปลี่ยนชะตา4โครงสร้างลำดับชั้นบันไดที่ไม่มีที่สิ้นสุดในราชสำนักไม่มีใครเท่ากันทุกตำแหน่งมีชื่อเรียกทุกบทบาทมีพิธีเฉพาะแม้แต่ท่าทางการเดินผ่านหน้าผู้มีพระยศสูงกว่าก็ต้องคำนึงถึงองศาความเร็วและระดับสายตาการอยู่ในตำแหน่งท่านผู้หญิงจึงไม่ได้หมายความว่าอยู่บนยอดพีระมิดแต่เป็นเพียงผู้เล่นคนหนึ่งในกระดานที่เคลื่อนด้วยกฎเกณฑ์โบราณคนที่รู้กฎคือผู้ถูกควบคุมแต่
คนที่เข้าใจกฎคือผู้ที่ควบคุมชีวิตของตนได้แม้อยู่ในกรอบหากชีวิตคือการเดินทางการเดินเข้าสู่วังหลวงคือการเดินเข้าสู่แผนที่ที่ไม่มีใครเคยถือไว้ครบถ้วนที่ซึ่งเส้นทางไม่ได้เขียนด้วยหมึกแต่เขียนด้วยสายตาประเพณีและความเงียบศรีรัตน์สุวดีไม่ใช่ผู้หญิงที่เกิดมาในราชสกุลเธอไม่ได้โตมากับพานทองหรือบทเรียนพิธีการแต่เธอคือผู้หญิงธรรมดาที่ก้าวเข้าสู่เวทีของชนชั้นสูงที่สุดในประเทศโดยไม่มีเข็มทิศนอกจากหัวใจและความตั้งใจ1เส้น
ทางก่อนก้าวเข้าสู่ราชวังศรีรัตน์เกิดในครอบครัวธรรมดาที่จังหวัดราชบุรีชีวิตวัยเยาของเธอไม่ต่างจากหญิงสาวไทยทั่วทั่วไปเธอเรียนทำงานและฝันเหมือนคนอื่นคนอื่นก่อนจะเข้าสู่ชีวิตราชสำนักเธอทำงานเป็นพนักงานบริษัทไม่มีพื้นฐานใดเลยเกี่ยวกับราชพิธีนั่นคือสิ่งที่ทำให้การเปลี่ยนผ่านของเธอไม่เหมือนใครความสูงส่งที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่เรามาจากไหนแต่อยู่ที่เราวางตัวอย่างไรเมื่ออยู่ในที่สูง2บทเรียนวันแรกการเป็นเงาในห้องที่มีแต่แสง
จ้าการปรากฏตัวครั้งแรกของศรีรัตน์ในพิธีการเปรียบเสมือนการยืนอยู่กลางเวทีที่คนทั้งประเทศจับตามองทุกเส้นผมทุกรอยยิ้มทุกการขยับตัวถูกวิจารณ์ไม่ใช่ในฐานะเธอเป็นใครแต่ในฐานะเธอเหมาะสมหรือไม่ในห้องที่เต็มไปด้วยขุนนางข้าราชบริพารและสมาชิกราชวงศ์ศรีรัตน์ต้องเรียนรู้การเป็นเงาที่สมบูแบบเนาที่ไม่บดบังใครแต่ก็ไม่ละลายหายไปจากสายตา3ความกลมกลืนที่ไม่ได้แปลว่าต้องละทิ้งตัวตนเธอปรับตัวเรียนรู้ภาษาใหม่ราชาศัพท์เรียนรู้การ
หมอบกราบในระดับที่เหมาะสมฝึกกิริยาท่วงท่าน้ำเสียงแต่สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดไม่ใช่เพียงว่าเธอเรียนรู้ได้เร็วแต่คือการที่เธอไม่ละทิ้งความเป็นมนุษย์ธรรมดาของเธอเธอยิ้มอย่างจริงใจในงานพิธีสบตาผู้คนด้วยความอบอุ่นและนั่นคือสิ่งที่ทำให้เธอเออโดดเด่นในโลกที่ความนิ่งคือบรรทัดฐานการเปล่งประกายท่ามกลางแสงอื่นไม่ใช่ด้วยการส่องแสงแรงกว่าใครแต่ด้วยการส่องในทิศที่แตกต่าง4ภาพลักษณ์ภายนอกvsความเป็นจริงภายในหลายคนมองเธอ
เป็นเจ้าหญิงผู้มาไกลบางคนชื่นชมบางคนตั้งคำถามแต่ไม่มีใครรู้ว่าเบื้องหลังรอยยิ้มเหล่านั้นเธออาจต้องกลั้นน้ำตากดเสียงในใจและเก็บตัวตนบางส่วนไว้ให้เงียบที่สุดชีวิตในวังไม่ใช่แค่เรื่องของความหรูหราแต่มันคือการเดินอยู่บนเส้นได้ที่บางครั้งแม้ไม่ทำผิดก็ยังรู้สึกว่ากำลังตกอยู่ในอันตรายบางคนเดินเข้าวังด้วยยศบางคนเดินเข้าไปด้วยชะตาแต่ศรีรัตน์เดินเข้าไปด้วยความอดทนและศรัทธาในโลกของราชสำนักความเคลื่อนไหวที่แท้จริงมักไม่
เกิดจากเสียงดังแต่มาจากรอยยิ้มบางเบาหรือความเปลี่ยนแปลงที่แทบสังเกตไม่เห็นและศรีรัตน์ด้วยการมีอยู่ของเธอคือหนึ่งในเสียงเงียบนั้นที่สั่นสะเทือนโครงสร้างที่อย่างรากมาหลายร้อยปีหนึ่งเหตุการณ์ที่กลายเป็นบทเรียนของทั้งระบบแม้เธอจะปฏิบัติตามพิธีการอย่างเคร่งครัดแต่การที่หญิงธรรมดากลายเป็นท่านผู้หญิงผู้สูงศักดิ์ย่อมดึงดูดทั้งความสนใจและคำถามในบางเหตุการณ์ไม่ว่าจะเป็นการวางตัวในงานราชพิธีการออกสื่อหรือแม้แต่เรื่อง
เล็กน้อยในชีวิตครอบครัวล้วนกลายเป็นประเด็นที่สื่อจับตามองอย่างไม่ลดละศรีรัตกลายเป็นเหมือนกระจกเงาที่สะท้อนความตึงเครียดระหว่างประเพณีโบราณกับความจริงของมนุษย์ในโลกสมัยใหม่ในบางครั้งคนที่ถูกจับตามองมากที่สุดคือคนที่ไม่เคยขอให้ถูกมองเลย2พลังของความเป็นหญิงในพื้นที่ที่ไม่เคยเปิดกว้างก่อนหน้าศรีรัตน์ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่อยู่ใกล้ชิดกับราชสำนักมักเป็นผู้ที่มาจากสายสกุลหรือได้รับการยอมรับโดยเงื่อนไขเฉพาะแต่เธอกลับเป็นผู้หญิงธรรมดาที่ได้เข้า
ใกล้แก่นแท้ของราชพิธีในฐานะภรรยาไม่ใช่ในฐานะตัวแทนและนั่นคือจุดเปลี่ยนของสายตาสาธารณชนต่อบทบาทของสตรีในราชวงศ์3แรงกระเพื่อมที่เปลี่ยนมุมมองของผู้คนการปรากฏตัวของศรีรัตน์ทำให้คนไทยจำนวนมากเริ่มตั้งคำถามว่าใครกันแน่ที่เหมาะสมจะเป็นส่วนหนึ่งของสถาบันไม่ใช่เพื่อโต้แย้งหรือท้าทายแต่เพื่อขอคำตอบในโลกที่ทุกอย่างดูเงียบเกินไปเสียงเงียบเหล่านั้นแม้ไร้ถ้อยคำก็กลายเป็นแรงผลักดันให้สังคมหันกลับมาทบทวนไม่ใช่เพียงแค่กฎของ
ราชพิธีแต่รวมถึงกฎของใจที่ประชาชนมีต่อสถาบันอันเป็นที่รักเธอไม่ได้เปลี่ยนระบบแต่เธอทำให้ผู้คนเห็นว่ามันเคลื่อนไหวได้4บทเรียนที่ทิ้งไว้แม้ในความเงียบแม้วันนี้ชีวิตของศรีรัตน์จะห่างจากเวทีสาธารณะแต่บทบาทของเธอยังคงดำรงอยู่ในบทเรียนของผู้คนเธอคือหลักฐานที่มีชีวิตว่าการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของราชพิธีไม่ใช่เรื่องของโชคชะตาหรือสายเลือดเท่านั้นแต่มันคือบทเรียนของการมีความกล้าที่จะปรับตัวโดยไม่สูญเสียความเป็นตนผู้ที่เปลี่ยน
ประวัติศาสตร์บางครั้งไม่ใช่ผู้ที่เปล่งเสียงดังที่สุดแต่คือผู้ที่อดทนอยู่ในความเงียบได้ยาวนานที่สุดราชประเพณีเคยเป็นเหมือนหินศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจถูกแต่ต้องไม่ควรถูกตั้งคำถามแต่โลกกำลังเปลี่ยนและคำถามหนึ่งก็เริ่มก่อตัวขึ้นในใจของใครหลายคนประเพณีควรอยู่เหนือกาลเวลาหรือควรเติบโตไปพร้อมกับมัน1เส้นทางของพิธีการในศตวรรษที่21แม้ประเทศไทยจะยังคงรักษาระบบราชสำนักไว้อย่างแน่นแฟ้นแต่สื่อดิจิทัลเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและจิตสำนึก
ของสังคมยุคใหม่ได้ทำให้พิธีการที่เคยเป็นบทบัญญัติเริ่มกลายเป็นเรื่องถกเถียงคนรุ่นใหม่เริ่มมองเห็นพิธีการบางอย่างว่าห่างไกลขณะที่คนอีกจำนวนหนึ่งยังเชื่อมั่นว่ามันคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์และท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงนี้เรื่องราวของศรีรัตน์กลายเป็นบทสะท้อนสำคัญของช่วงเปลี่ยนผ่าน2ศรีรัตน์สะพานระหว่างโลกเก่าและใหม่เธอไม่ใช่แค่หญิงสาวในราชวังแต่คือภาคผนวกที่ไม่เคยอยู่ในหนังสือเรียนพิธีการไทยการปรากฏตัวของเธอในฐานะคนธรรมดาทำให้พิธีการที่เคยดูห่างไกลกลับ
00:11:52มีชีวิตมีเสียงมีหัวใจศรีรัตไม่ได้ล้มล้างระเบียบเธอก็ไม่ได้เปลี่ยนระบบแต่เธอทำให้ผู้คนเริ่มมองเห็นว่าระบบนั้นเป็นของมนุษย์และในมนุษย์นั้นมีความรักความอดทนความเปราะบางประเพณีจะคงอยู่ได้เมื่อมันยอมรับว่าตัวเองก็ต้องเรียนรู้เหมือนกัน3เมื่อพิธีคือศิลปะและชีวิตคือผู้แสดงราชประเพณีไม่ได้เป็นเพียงระบบแต่มันคือศิลปะแห่งการดำรงอยู่ที่ต้องใช้ทั้งหัวใจความเข้าใจและจังหวะที่พอดีในโลกที่ทุกอย่างเปลี่ยนเร็วการรักษาอะไรบางอย่าง
ไว้อาจดูเป็นการหยุดเดินแต่ในอีกมุมหนึ่งมันคือการยืนมั่นเพียงแต่ต้องรู้จักหันหน้าฟังเสียงของคนรุ่นใหม่บ้างศิลปะแห่งการมีอยู่ในราชสำนักไม่ใช่การทำตามทุกอย่างแต่คือการรู้ว่าเมื่อไหร่ควรเงียบเมื่อไหร่ควรยิ้มและเมื่อไหร่ควรกล้าสี่ตอนจบที่ยังไม่สิ้นสุดชีวิตของศรีรัตน์สุวดีอาจห่างหายจากหน้าสืบแต่เรื่องราวของเธอยังอยู่ในความทรงจำของคนจำนวนมากเธอไม่ได้ทิ้งร่องรอยไว้ในตำราประวัติศาสตร์แต่ทิ้งคำถามไว้ในหัวใจของ
ประชาชนคำถามที่ว่าเมื่อมนุษย์ธรรมดาเดินเข้าสู่วังความเป็นมนุษย์จะยังเหลืออยู่ไหมจงเต้นรำให้ได้แม้อยู่บนพื้นกระเบื้องที่เต็มไปด้วยกฎเพราะนั่นคือศิลปะแห่งการมีอยู่ในโลกของผู้มีเกียรติ

 
                     
                    