โน้ท[เพลง]และเรื่องราวการพ้นจากฐานันดรศักดิ์ของท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์กับอดีตเจ้าคุณพระสินีนาฎทั้งสองท่านนี้ต่างกันอย่างไรเรื่องราวของทั้งสองท่านนี้ต่างกันอย่างไร1ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ไม่ได้มีความผิดใดๆแต่ถ้าลาออกเองเนื่องจากญาติของท่านทำความผิดต่อราชสำนักและกฎหมายบ้านเมืองดังนั้นการที่ท่านจะได้กลับมาอีกครั้งก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายใดๆและไม่มีมลทินในๆอีกด้วยเพราะหลังจากที่ท่านลาออกแล้วท่านก็เก็บตัวและปฏิบัติธรรมที่บ้าน
และบางครั้งท่านก็ไปต่างประเทศซึ่งเป็นศิษย์ของท่านจะพึงทำได้2ส่วนความผิดของอดีตเจ้าคุณพระสินีนาฎนั้นร้ายแรงมากหากจะเทียบกับท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ก็คนละขั้วคนละแนวเลยย้อนหลังไปในอดีตวันที่ท่านผู้หญิงลาออกจากฐานันดรศักดิ์นั้นก็เป็นเพราะเหตุการณ์จากญาติของท่านดังนี้ราชกิจจานุเบกษาประกาศเรื่องพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชขอพระราชทานกราบบังคมทูลลาออกจากฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์แล้วพล
เอกประยุทธ์จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีเป็นผู้สนองพระบรมราชโองการด้านคดีชาการหรือYuriภาคภูมิและณัฐพลหรือกอล์ฟสุวะดีโดนแจ้งข้อหา112เพิ่มอีกคดีหลังนายชาการเอาหนังสือรับรอง3ฉบับเซ็นชื่อนายณัฐพลไปเป็นหลักฐานว่าติดภารกิจสำคัญทำให้เข้าเรียนตามกำหนดของหลักสูตรปริญญาโทนิด้าไม่ครบจนมหาวิทยาลัยยอมพรพรรณให้เข้าสอบพนักงานสอบสวนสน.ลาดพร้าวตามไปแจ้งข้อหาถึงในคุกแล้วขณะที่โฆษกตำรวจจากการสอบสวนคดีเครือข่ายพงษ์พัฒน์อดีตผบช.กอเริ่มงวดเตรียมประชุมสรุปสำนวนส่ง
ให้อัยการฟ้องผู้ต้องหาส่วนการพิจารณาความผิดวินัยร้ายแรงที่จะเรดำเนินการน่าจะเสร็จแล้วเมื่อวันที่12ธันวาคมราชกิจจานุเบกษาฉบับทะเบียนฐานันดรประเภทขอเล่มที่131ตอนที่29ขอไข่12ธันวาคม2557ประกาศเรื่องลาออกจากฐานันดรศักดิ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหิตลาธิเบศรรามาธิบดีจักรีนฤบดินทรทอนสยามินทราธิราชบรมนาถบพิตรมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่าพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์องค์
กรสยามมกุฎราชกุมารได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์สยามมกุฎราชกุมารเป็นลายลักษณ์อักษรว่าว่าขอพระราชทานกราบบังคมทูลลาออกจากฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์ความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้วพระราชทานพระบรมราชานุญาติประกาศณวันที่11ธันวาคมพุทธศักราช2557เป็นปีที่69ในรัชกาลปัจจุบันผู้รับสนองพระบรมราชโองการพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารทลายเครือข่ายพลตำรวจโทพงษ์พัฒน์ฉายาพันธุ์อดีตผบช.กอและพวก
พร้อมตรวจค้นทรัพย์สินจำนวนมากแจ้งข้อหาฉกรรจ์ทั้งแอบแฝงเรื่องสูงเรียกรับส่วยน้ำมันเถื่อนบ่อนการพนันไปจนถึงอุ้มทวงหนี้ในส่วนของคดีที่หมอมโนวัดพระยาไกรที่กลุ่มผู้ต้องหากลุ่มผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าหนี้ไปข่มขู่ให้ยอมลดดีกว่า120ล้านบาทเหลือ20ล้านบาทชุดสืบสวนสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีได้เกือบหมดแล้วเหลือนายนพพรศุภพิพัฒน์อายุ43ปีเศรษฐีหมื่นล้านผู้จ้างวานที่หลบหนีไปต่างประเทศขณะที่พนักงานสอบสวนสน.พระโขนง
ออกหมายจับผู้จ้างวานแล้วอยู่ระหว่างติดต่อเข้ามอบตัวล่าสุดตำรวจจับกุมนางสุดาทิพย์ม่วงนวลหลานสาวพลตำรวจโทพงษ์พัฒน์ดำเนินคดีข้อหา112แอบแฝงเรื่องสูงให้ได้งานประมูลเครื่องเสวยและอาหารในครัวข้าราชบริพารพระที่นั่งอัมพรสถานและวังศุโขทัยความคืบหน้าจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลเมื่อเวลา16:30นวันที่12ธันวาคมพลตำรวจโทศรีวรารามสอบถามมะนะกุลเพราะปชช.พลตำรวจตรีสมบัติมิลินทจินดาเพราะบก.สส.บช.พลตำรวจตรีวิสูตรฉัตรชัยเดชเพราะบก.น6และพลตำรวจเอกวิทวัสชินคำ
ผู้กำกับการสน.ลาดพร้าวร่วมแถลงข่าวกรณีพนักงานสอบสวนสน.ลาดพร้าวดำเนินคดีนาชาการหรือYuriภาคภูมิอายุ34ปีและนายณัฐพลREกอล์ฟสุวะดีอัครพงศ์ปรีชาอายุ29ปีข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทดูหมิ่นพระมหากษัตริย์พระราชินีรัชทายาทหรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ตามความผิดมาตรา112กรณีแอบอ้างเรื่องสูงพันตำรวจเอกวิทวัสชินคำผู้กำกับการสน.ลาดพร้าวกล่าวว่าตามที่พลตำรวจโทศรีวราสั่งการให้สน.ลาดพร้าวตรวจสอบการกระทำผิดมีตรา112เหตุเกิดที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์นิด้าถนน
เสรีไทยแขวงคลองจั่นเขตบางกะปิกทมพฤติการณ์ของคดีนี้คือนายชาการเป็นนักศึกษาภาคพิเศษหลักสูตรการจัดการภาครัฐและภาคเอกชนคณะรัฐประศาสนศาสตร์ของสถาบันดังกล่าวเข้าเรียนตั้งแต่ปี2556จะเรียนทั้งหมด6ชั่วโมงจำนวน6ครั้งครั้งที่7เป็นการสอบต้องมีเวลาเรียนทั้งหมดร้อยละ80สามารถฆ่าเรียนได้เพียงครั้งเดียวแต่นายชาการค้าเรียนทั้งหมด3ครั้งจึงนำหนังสือทั้งหมด3ฉบับลงชื่อโดยนายณัฐพลมายื่นที่คณะรัฐประศาสนศาสตร์แจ้งว่าในชาการค้าเรียนเพราะมีภารกิจติดตามดูแลบุคคล
สำคัญการยื่นหนังสือทำให้ได้10จากทางมหาวิทยาลัยให้เข้าสอบซึ่งตามจริงจะต้องตกในดังนั้นผู้กำกับการสน.ลาดพร้าวกล่าวต่อว่าเมื่อตรวจสอบกับทางมหาวิทยาลัยแล้วจึงประสานไปที่กองบังคับการปราบปรามและพลตำรวจโทศรีวราเมื่อต้นเดือนธันวาคมพนักงานสอบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐานและสอบปากคำพยานพบว่ามีการกระทำความผิดดังกล่าวจริงก่อนขออนุมัติหมายจับจากศาลทหารกรุงเทพพร้อมทั้งแจ้งข้อหากับผู้ต้องหาทั้งสองคนแล้วที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพจาก
การสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง2คนทราบว่านายรัฐพลเป็นคนลงนามเซ็นชื่อในหนังสือทั้ง3ฉบับอ้างว่าไม่เกี่ยวข้องและให้การปฏิเสธส่วนในชาการให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่าเป็นคนเซ็นชื่อทำหนังสือและยื่นหนังสือดังกล่าวด้วยตัวเองโดยไม่ได้พาดพิงคนอื่นแต่อย่างใดใช้เวลาสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมดนานกว่า2ชั่วโมงถามว่าจะดำเนินคดีนายชาการทีเดียวหรือไม่พันตำรวจเอกวิทวัสกล่าวว่าเป็นเพียงคำให้การของผู้ต้องหาอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน
เบื้องต้นดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง2คนแต่จะสืบสวนสอบสวนให้ถึงที่สุดส่วนทางมหาวิทยาลัยส่งตัวแทนมาสอบสวนเป็นพยานส่วนการแจ้งความสน.ลาดพร้าวเป็นผู้แจ้งข้อหาด้านพลตำรวจโทศรีวราห์รังสิพราหมณกุลเพราะประชาชนกล่าวว่าขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินคดีกับความผิดลักษณะดังกล่าวทันทีโดยเฉพาะความผิดเข้าหาตามมาตรา112และทุกคดีอย่างเด็ดขาดส่วนคดีอื่นๆอย่างกรณีสนสามเสนได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้วคาด
ว่าจะสามารถสรุปสำนวนคดีได้ภายในเร็ววันส่วนคดีอื่นๆหากมีจะทำไปเรื่อยๆส่วนการอายัดตัวผู้ต้องหาที่ก่อเหตุในพื้นที่อื่นๆที่สภ.คลองหลวงได้อายัดตัวผู้ต้องหาไว้หมดแล้วหากพาดพิงหรือเชื่อมโยงถึงใครทุกคดีจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไปส่วนกรณีนายณรงค์กรหรือโจเทียนเสริมสินอายุ41ปีน้องชายเสี่ยโจ้นายสหชัยเจียนเสริมสินผู้ต้องหาหนีคดีปลอมแปลงเอกสารจังหวัดปัตตานีจ่ายสวยน้ำมันเถื่อนเดินทางมาร้องขอความเป็นธรรมว่าว่ามีนายตำรวจระดับผู้
กำกับการสังกัดตำรวจน้ำคมครูเสียโจ้พลตำรวจโทศรีวราเก่าว่ายังอยู่ระหว่างการตรวจสอบส่วนการตรวจสอบหลักฐานที่ได้รับมาเอกสารการโอนเงินที่เป็นใบสลิปการโอนเงินที่นายณรงค์กรมอบให้นั้นมีจริงแต่ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าใบสลิปการโอนเงินดังกล่าวเป็นใบสลิปการโอนเงินค่าอะไรต้องตรวจสอบรายละเอียดของผู้เกี่ยวข้องอีกครั้งผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าหนังสือที่นักวิชาการยื่นให้ทางคณะทั้ง3ฉบับเป็นหนังสือตราครุฑส่วนราชการบันทึกข้อความ
ไม่ได้ระบุวันที่แน่ชัดแต่ระบุว่าช่วงเดือนกรกฎาคมเรื่องรับรองการปฏิบัติราชการเรียนถึงคณบดีคณะรัฐประศาสนศาสตร์สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์เรื่องด้วยนายชาการได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ราชการเป็นเลขานุการประจำตัวมีภารกิจในการติดตามดูแลบุคคลสำคัญในวันอาทิตย์ที่22มิถุนายนพุทธศักราช2557วันอาทิตย์ที่29มิถุนายนพุทธศักราช2557และวันอาทิตย์ที่6กรกฎาคมพุทธศักราช2557จึงไม่สามารถเข้าเรียนวิชาระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการระบุชื่ออาจารย์
ประจำวิชาและยังระบุข้อความให้นายณัฐพลยืนยันว่าในชาการติดปฏิบัติราชการจนไม่สามารถผู้เรียนได้ดังกล่าวนายณัฐพลหรือกอล์ฟและนายชาการร่วมกับพวกรวม7คนแอบอ้างสถาบันก่อเหตุการณ์โชคทรัพย์พวงนี่ผู้เสียหายจำนวน37ล้านบาทเหตุเกิดท้องที่สนพระโขนงและร่วมกับพวกรวม11คนบังคับคุณครูให้ผู้เสียหายรถนี่มูลค่าเสียหายจาก120ล้านบาทเหลือเพียง20ล้านบาทเหตุเกิดท้องที่สนวัดพระยาไกรถูกดำเนินคดีข้อหามาตรา112และข้อหาอื่นรวม4ข้อหานอกจากนี้นายชาการยังร่วมกับพวก
แอบอ้างเบื้องสูงเข้าแทรกแซงกิจกรรมธุรกิจโรงน้ำแข็งภายในตลาดไทยจังหวัดปทุมธานีจำหน่ายน้ำแข็งตัดราคาผู้เสียหายเซ็งจากผู้ประมูลกิจการได้มูลค่า24ล้านบาทเพื่อส่งน้ำแข็งในตลาดไทผูกขาดเพียงรายเดียวก่อนถูกกลุ่มผู้ต้องหาพบกิจการไปเสียงไปแจ้งความดำเนินคดีไว้ที่สภ.คลองหลวงและล่าสุดเหตุเกิดท้องที่สนลาดพร้าวถูกดำเนินคดีตามความผิดมาตรา112ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติพลตำรวจโทประวุฒิถาวรศิริโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจพบอีกหนึ่งคดี
คือการไปแอบอ้างชื่อสถาบันนิด้ากรณีนายชาการภาคภูมิซึ่งเรียนอยู่และค่าเรียนจึงให้นายรัฐพลสุวะดีทำหนังสือไปว่านายชาการมาปฏิบัติภารกิจกับตนแอบอ้างว่าเป็นพระอนุชาซึ่งออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง2คนเพิ่มข้อหาทำให้เสื่อมเสียเป็นหมายจับจากศาลทหารเนื่องจากเป็นเหตุที่เกิดขึ้นหลังจากรัฐประหารคดีดังกล่าวแจ้งความไว้ที่สน.ลาดพร้าวช่วงต้นเดือนธันวาคมกรณีดังกล่าวเป็นการออกหมายจับและมีคดีอาญาติดตัวเพิ่มหลังจากนี้ในส่วนที่เป็นคดีมาตรา
ม112เมื่อสรุปสำนวนแล้วค่ะส่งมาให้คณะกรรมการพิจารณาคดีมินของสำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการพิจารณาเพื่อสั่งฟ้องพลตำรวจโทประวุฒิกล่าวต่อไปว่าส่วนคดีที่เกิดขึ้นในพื้นที่สนพระโขนงและสนวัดพระยาไกรพนักงานสอบสวนส่งสำนวนมาให้คณะกรรมการแล้วเมื่อวันที่8ธันวาคมหลังจากนี้ไม่น่าเกิน10วันจะส่งฟ้องได้ส่วนจะออกมาเรียกหมายจับใครเพิ่มเติมหรือไม่อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาและรวบรวมหลักฐานการขยายผลมีขั้นตอนการดำเนินการหลายมิติ
อาจทำให้ไปเจอผู้ร่วมกระทำความผิดเพิ่มได้ทุกอย่างเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการไปตามพยานหลักฐานส่วนความคืบหน้าของพันตำรวจโททรงรักขุนศรีรองผู้กำกับการ6บก.ปขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการติดตามตัวถ้ายังไม่มาจริงอ่ะเอ่อออกมาเรียกอีก1ครั้งถ้ายังไม่มาพบเจ้าหน้าที่ที่จะต้องออกหมายจับขณะนี้ยังติดตามตัวอยู่ตลอดแต่ยังไม่ได้ข้อมูลอะไรเนื่องจากเป็นตำรวจที่ทำงานลับๆจึงมีความชำนาญในการซ่อนตัวจะดำเนินการควบคู่กับทางวินัยส่วนกรณีการ
สอบสวนวินัยร้ายแรงของพลตำรวจโทพงษ์พัฒน์ฉายาพันธุ์อดีตผบช.กอพร้อมพวกที่เป็นข้าราชการจเรตำรวจน่าจะมีความเห็นแล้วขอเวลาตรวจสอบอีกครั้งด้านนายภูษิตหิรัญพฤกษ์เจ้าหน้าที่งานป่าไม้อาวุโสสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่ากรมป่าไม้นำกำลังพร้อมรถบรรทุก5คันระดมขนย้ายไม้แปรรูปของกลางคดีเครือข่ายพลตำรวจโทพงษ์พัฒน์ฉายาพันธุ์อดีตผบช.กอสุขซ่อนไว้ในโกดังหลังสระวงอพาร์ตเมนต์เลขที่16/21หมู่2ถนนแจ้งวัฒนะณตำบลคลองเกลืออำเภอปากเกร็ดจังหวัด
นนทบุรีในผู้สิทธิ์เผยว่าจะขนย้ายไม้แปรรูปที่ตรวจยึดเป็นของกลางทั้งหมดในคดีพลตำรวจโทพงษ์พัฒน์ไปเก็บรักษาไว้ที่องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้อุบลกกตำบลลำไทรอำเภอวังน้อยจังหวัดพระนครศรีอยุธยาไม้ของกลางทั้งหมดมีกว่า4000แผ่นคาดว่าต้องใช้เวลาคนย้ายประมาณ4-5วันจากนั้นจะเข้าขนย้ายไม้แปรรูปของกลางในคดีเดียวกันที่บ้านอีกหลังของพลตำรวจโทพงษ์พัฒน์เลขที่50ทับ962ถึง3หมู่9หมู่บ้านเมืองทองธานีซอยA2ถนนแจ้งวัฒนะตำบลบางพูดอำเภอปากเกร็ดและที่บ้านญาติพล
ตำรวจโทพงษ์พัฒน์ที่อำเภอบางใหญ่จังหวัดนนทบุรีต่อไปส่วนอดีตเจ้าคุณพระสินีนาฎซึ่งได้ดำรงตำแหน่งนี้เพียง68วันก็ต้องถูกปลดฟ้าผ่าเพราะความผิดดังวันนี้วันที่21ตุลาคมราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระบรมราชโองการประกาศเรื่องให้ข้าราชการในพระองค์ไฟล์ทหารพ้นจากตำแหน่งถอดฐานันดรศักดิ์และยศทหารตลอดจนเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทุกชั้นตราความว่าพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชดีศรีศิลป์มหาวชิราลงกรณ์พระวชิระ9เจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้
ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหารพ้นจากตำแหน่งถอดฐานันดรศักดิ์และยศทหารตลอดจนเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทุกชั้นตราเนื่องจากกระทำความผิดราชสวัสดิ์และไม่จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์จากคุณพระสิรินาถพิลาสกัลยาณีประพฤติตนต่อต้านงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในการสถาปนาสมเด็จพระนางเจ้ามีพระบรมราชินีหลังจากที่ได้ทรงประกอบพิธีราชาภิเษกสมรสเมื่อวันที่1พฤษภาคม2562โดยได้แสดงตนต่อต้านและกดดันทุกวิถีทางเพื่อจะไม่มีการสถาปนาสมเด็จพระ
นางเจ้าพระบรมราชินีขึ้นทรงดำรงตำแหน่งแต่จะให้โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมตนเองขึ้นดำรงตำแหน่งแทนตามที่ได้ตั้งความหวังไว้แต่การไม่เป็นไปตามที่มุ่งหวังหลังจากพระราชพิธีผ่านพ้นไปแล้วด้วยความทะเยอทะยานมักใหญ่ใฝ่สูงจึงได้พยายามหาหนทางในการดำเนินการด้วยวิธีการต่างๆเพื่อให้ได้มาซึ่งการสถาปนาตำแหน่งของตนเองนอกจากนี้เจ้าคุณพระสินีนาฎอย่างได้ล่วงละเมิดพระราชอำนาจสั่งการในเรื่องต่างๆที่เกี่ยวข้องกับพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระ
เจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถด้วยเหตุนี้เพื่อเป็นและลดปัญหาหรือการกระทำใดๆที่ไม่เหมาะสมอันมีผลกระทบต่อสถาบันและส่วนรวมของประเทศชาติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมสถาปนาให้ขึ้นเป็นเจ้าคุณพระสินีนาฎพิลาสกัลยาณีด้วยทรงวางพระราชหฤทัยว่าจะลดแรงกดดันและปัญหาอันอาจจะเกิดขึ้นที่จะส่งผลกระทบต่อสถาบันหลังจากนั้นได้ส่งเฝ้าติดตามความประพฤติและการปฏิบัติของเจ้าคุณพระสินีนาฎมา
อย่างต่อเนื่องจึงได้ทรงทราบว่าเจ้าคุณพระสินีนาฎมิได้มีความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและประพฤติตนให้เหมาะสมกับตำแหน่งอีกทั้งยังไม่พอใจในตำแหน่งที่ได้รับพระราชทานอย่างกระทำการทุกประการที่จะเทียบเท่าสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีไม่มีความเข้าใจในขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของราชสำนักแสดงความกระด้างกระเดื่องต่อพระบาทสมเด็จที่อยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีตลอดจนใช้ประโยชน์จากตำแหน่งในการดำเนินการสั่งการแอบอ้างพระราชกระแสไปกระทำการหรือสั่งการ
ให้บุคคลต่างๆปฏิบัติตามคำสั่งของตนเองโดยตนเองไม่ต้องรับผิดชอบอ้างว่าได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ดำเนินการแทนพระองค์ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดในฐานะตำแหน่งของตนถือได้ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการเอื้อประโยชน์ส่วนตนโดยตรงให้เกิดความนิยมชมชอบอันนำไปสู่สิ่งที่ตนคาดหวังไว้ไม่ใช่เพื่อส่วนรวมโดยแท้จริงเพราะมุ่งหวังที่จะให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสถาปนาตนเองให้สูงขึ้นเทียบเท่าสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี
การกระทำของเจ้าคุณพระศรีนีน่าดังกล่าวถือได้ว่าไม่ถวายพระเกียรติขาดความกตัญญูไม่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและแสดงมีความแตกแยกในหมู่ข้าราชบริพารก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในหมู่ประชาชนคือเป็นการบ่อนทำลายประเทศชาติและสถาบันจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เจ้าคุณพระสินีนาฎพิลาสกัลยาณีพ้นจากตำแหน่งข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหารถอดฐานันดรศักดิ์และยศทหารตลอดจนเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทุกชั้นตราอาศัยอำนาจตามความในมาตรา9
และมาตรา15ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช2560ประกอบมาตรา4และมาตรา9แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการในพระองค์พุทธศักราช2560และมาตรา10มาตรา13และมาตรา15แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดระเบียบราชการและการบริหารงานบุคคลของราชการในพระองค์พุทธศักราช2560และมาตรา12ของพระมีบัญญัติยศทหารพุทธศักราช2479จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เจ้าคุณพระสิหน้าพิลาสกัลยาณีพ้นจากตำแหน่งข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหารถอดฐานันดรศักดิ์และยศทหารตลอดจนเรียกคืน
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ทุกชั้นตราทั้งนี้ตั้งแต่วันที่20ตุลาคมพุทธศักราช2562ประกาศณวันที่21ตุลาคมพุทธศักราช2562เป็นปี4ในรัชกาลปัจจุบันความผิดของอดีตเจ้าคุณพระสิรินาถนั้นถือได้ว่าเป็นความผิดร้ายแรงแต่สำหรับท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์นั้นแม้ท่านจะไม่มียศถาบรรดาศักดิ์แต่ท่านเป็นพระมารดาของเจ้าฟ้าทีปังกรซึ่งในวันหนึ่งข้างหน้าท่านคงต้องได้กลับมาอย่างแน่นอนหรือไม่หากท่านไม่กลับมารับตำแหน่งในๆท่านก็คงยิ้มและภูมิใจอยู่เสมอเพราะว่าลูกชายของท่านผู้
หญิงศรีรัศมิ์นั้นขอเป็นพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติตัวม.ค
